โรคนี้นั้นน่ากลัวตรงที่แค่สัมผัสก็อาจจะติดเชื้อได้นั่นเอง ซึ่งโรคเอดส์นั้นติดเชื้อได้ยากกว่า แม้จะมีเพศสัมพันธ์กันแต่ถ้าใส่ถุงยางก็ไม่เป็นปัญหา แต่กับเจ้าโรคนี้อาจจะไม่รอดก็ได้เพราะถุงยางไม่ได้คลุมได้ทั้งหมด โรคที่ว่านี่มีชื่อว่า Human Papilloma Virus (HPV) เรียกว่าไวรัสที่ก่อให้เกิดหูดก่อได้ แล้วมันร้ายแรงอย่างไร? ตามอ่านต่อครับ
เชื้อโรคนี้สามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ 3 วิธี
- ติดต่อโดยมีการสัมผัสระหว่างผิวหนังกับผิวหนัง โดยไม่สวมถุงยางนั่นเอง เป็นทางติดต่อที่พบบ่อยที่สุด
- ติดต่อโดยการใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่นเสื้อผ้า หรือผ้าเช็ดตัว สบู่อาบน้ำ เป็นต้น
- ติดต่อโดยการสัมผัสหรือเกา แล้วไปสัมผัสบริเวณอื่น
ตำแหน่งที่พบโรคหูดหงอนไก่ ตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย แคมใหญ่ ช่องคลอด ปากมดลูก ฝีเย็บ และบริเวณรอบๆ ทวารหนัก ตำแหน่งอื่นที่อาจจะพบได้แก่ปาก คอ หลอดลม เป็นต้น บางแห่งติดเชื้อแต่ไม่มีอาการให้เห็นก็มี
- ในผู้ใหญ่มักจะเกิดบริเวณ ต้นขา อวัยวะเพศ และทวารหนัก
- ในเด็กอาจจะเกิดที่แก้ม ลำตัว แขน ขา
- ลักษณะผิวในระยะแรกจะเป็นผื่นสีออกน้ำตาลไปทางชมพู เมื่อผื่นมีขนาดใหญ่ขึ้นจะมีสีน้ำตาลผื่นนูนหนาขึ้น อาจจะทำให้เกิดอาการบริเวณผื่นได้เล็กน้อย
- สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ผื่นจะมีขนาดใหญ่
- หากหูดโตขึ้นจะมีลักษณะคล้ายดอกกระหล่ำ ถ้าเป็นผู้ชายจะพบได้ที่ปลายอวัยวะเพศ อัณฑะ และเหยื่อบุในท่อปัสสาวะ ส่วนผู้หญิงจะพบได้บริเวณ แคมใหญ่และแคมเล็ก และปากมดลูก ส่วนทวารหนักนั้นสามารถติดได้ทั้งชายและหญิงหากมีการร่วมเพศทางนั้น
- นอกจากนี้ยังสามารถพบได้บริเวณภายในปากอีกด้วย จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณทำออรัลเซ็กส์นั่นเอง
- การสวมถุงยางจะป้องกันได้เฉพาะผิวหนังขององคชาติและช่องคลอดเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันผิวหนังบริเวณอื่นได้
- ช่วงที่เป็นโรคไม่ควรจะมีเพศสัมพันธ์
- ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว ไม่สำส่อน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสก็ผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง
การรักษาโรคหงอนไก่
- โรคส่วนใหญ่หายได้เอง แต่การตัดเนื้องอกออกจะป้องกันการแพร่กระจายไปส่วนอื่นได้ในส่วนหนึ่ง
- การกำจัดอาจจะใช้การผ่าตัดเอาออก ใช้ laser หรือจี้ด้วยไฟฟ้า
- ใช้สารเคมีเช่น podophyllin, cantharidin, phenol, silver nitrate, trichloracetic acid หรือ iodine
- ใช้ความเย็นจี้
- ใช้ยาทาบริเวณที่ติดเชื้อ (สำหรับคนที่ตั้งครรภ์ไม่แนะนำให้ใช้ยาทา)